ศูนย์ฯควบคุมไข้หวัดใหญ่ ของไทยประชุมสรุปใช้ชื่อ “ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009” ให้ง่ายต่อการสื่อสาร เผย18คนไทยในเม็กซิโกขอกลับไทย 3 พ.ค.
นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังประชุมศูนย์บัญชาการเตรียมความพร้อมป้องกันและควบคุมแก้ไขสถานการณ์การระบาดใหญ่ของโรคไข้หวัดใหญ่ โดยใช้เวลาหารือนานกว่า 2 ชั่วโมง เรื่องชื่อการเรียกไข้หวัดใหญ่ที่ระบาดในเม็กซิโก หลังองค์การอนามัยโลก ได้เปลี่ยนชื่อเรียกเช้านี้ ว่า “ไข้หวัดใหญ่ชนิด เอ H1N1” โดยที่ประชุมให้สรุปใช้ชื่อเรียกอย่างเป็นทางการ “ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอ 2009H1N1” และมีชื่อเรียกสั้นๆ ว่า “ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพื่อให้ง่ายแก่การสื่อสารและสร้างความเข้าใจแก่สาธารณะ
นพ.ไพจิตร กล่าวด้วยว่า จำนวนคนไทยในเม็กซิโกที่แสดงความจำนงเดินทางกลับประเทศไทยผ่านกระทรวงการต่างประเทศ มีเพิ่มอีก 4 ราย รวมเป็น 18 ราย ซึ่งมีทั้งนักเรียนทุนเอเอฟเอส และอาสาสมัครอีกบางส่วน ทั้งนี้ จะเดินทางกลับวันที่ 3 พฤษภาคม เวลา 23.00 น. โดยกระทรวงสาธารณสุข จะเตรียมทีมแพทย์ไปตรวจร่างกาย หากพบว่าร่างกายเป็นปกติจะให้กลับไปเฝ้าระวังที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน ขณะที่ต้องติดต่อกับกระทรวงสาธารณสุขทุกวัน หากกรณีมีไข้หรือเจ็บป่วยน่าสงสัย จะนำรถฉุกเฉินของโรงพยาบาลบำราศนราดูรมารับเข้าตรวจดูอาการ และแยกคัดกรองผู้ป่วย
รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวอีกว่า การประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน 10 ประเทศ + 3 ในวันที่ 7-8 พฤษภาคม ที่โรงแรมดุสิตธานี จะหารือในกรอบหลักคือแนวทางการป้องกันและวินิจฉัยโรคให้เป็นมาตรฐานการป้องกันการระบาดและการรักษา การคิดค้นผลิตยาและวัคซีนร่วมกัน นอกจากนี้ จะมีการพูดคุยถึงการสำรองยา ซึ่งขณะนี้มีสตอกยาอาเซียนอยู่ที่สิงคโปร์แล้ว
นพ.ไพจิตร กล่าวด้วยว่า จำนวนคนไทยในเม็กซิโกที่แสดงความจำนงเดินทางกลับประเทศไทยผ่านกระทรวงการต่างประเทศ มีเพิ่มอีก 4 ราย รวมเป็น 18 ราย ซึ่งมีทั้งนักเรียนทุนเอเอฟเอส และอาสาสมัครอีกบางส่วน ทั้งนี้ จะเดินทางกลับวันที่ 3 พฤษภาคม เวลา 23.00 น. โดยกระทรวงสาธารณสุข จะเตรียมทีมแพทย์ไปตรวจร่างกาย หากพบว่าร่างกายเป็นปกติจะให้กลับไปเฝ้าระวังที่บ้านเป็นเวลา 14 วัน ขณะที่ต้องติดต่อกับกระทรวงสาธารณสุขทุกวัน หากกรณีมีไข้หรือเจ็บป่วยน่าสงสัย จะนำรถฉุกเฉินของโรงพยาบาลบำราศนราดูรมารับเข้าตรวจดูอาการ และแยกคัดกรองผู้ป่วย
รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวอีกว่า การประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขอาเซียน 10 ประเทศ + 3 ในวันที่ 7-8 พฤษภาคม ที่โรงแรมดุสิตธานี จะหารือในกรอบหลักคือแนวทางการป้องกันและวินิจฉัยโรคให้เป็นมาตรฐานการป้องกันการระบาดและการรักษา การคิดค้นผลิตยาและวัคซีนร่วมกัน นอกจากนี้ จะมีการพูดคุยถึงการสำรองยา ซึ่งขณะนี้มีสตอกยาอาเซียนอยู่ที่สิงคโปร์แล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น